ถือมารีทิวทัศน์กันในวันนี้เป็นหนังที่พึ่งจะเข้าฉายที่ทรูไอดี กับหนังดราม่าเป็นแทรกสอดด้วยพลังความเลื่อมใสรวมทั้งสำหรับในการเปลี่ยนและก็ค้นหาชีวิต นี่เป็นหน้าที่การแสดงที่นับว่าไม่เหมือนกันกับภาพเดิมๆของ “มาร์ค วอห์ลเบิร์ก” ชายหนุ่มขาบู๊ที่แฟนคลับหนังรู้จักดีกัน ด้วยเหตุว่านี่เป็น “Father Stu” หนังที่มาบอกกล่าวถึงลำดับการเปลี่ยนของชีวิต จากจุดเปลี่ยนที่สำคัญจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง สำนักงานมอบแรงจูงใจกองโตส่งถึงผู้ชมโดยตรง
Father Stu เล่าราวของ สจ๊วต ทดลอง สมัยก่อนนักมวยชายหนุ่มที่จำใจเลิกเอาไว้ด้วยเหตุว่าสุขภาพทางร่างกายที่ไม่อำนวย เขาตกลงใจมุ่งหน้าเข้าเมืองใหญ่ เพื่อล่าฝันสำหรับเพื่อการเป็นดารา แต่ว่าเขาได้บังเอิญเจอกับหญิงสาวงามคนนี้ที่นำพาเขามาให้รู้จักกับชีวิตที่เต็มไปด้วยเชื่อถือในรั้วโบสถ์โรมันคาทอลิก รวมทั้งเมื่อเขารอดชีวิตมาได้อย่างปาฏิหาริย์จากอุบัติเหตุทางรถมอเตอร์ไซค์ เขาก็เลยตั้งใจจริงที่ต้องการจะเป็นนักบวช เผื่อเผยแพร่คำกล่าวอบรมสั่งสอนศาสนารวมทั้งช่วยเหลือเยียวคนอื่น หากว่าคนบริเวณข้างเขาแทบไม่มีผู้ใดเชื่อรวมทั้งเชื่อถือในตัวเขาเลยก็ตาม
หนังหัวข้อนี้ได้รับแรงจูงใจมาจากข้อเท็จจริงของนักบวชท่านหนึ่งที่ได้สร้างพลังเลื่อมใสในกลุ่มผู้คนได้อย่างยิ่งใหญ่ โดยหนังได้ผลสำเร็จหน้าที่การงานควบคุมรวมทั้งเขียนบทของผู้กำกับหญิงดาวรุ่ง “โรซาลินด์ คอยส” ที่หัวข้อนี้ถือว่าเป็นผลงานการควบคุมหนังใหญ่เรื่องแรกของคุณด้วย ซึ่งถือได้ว่าเป็นผลงานชิ้นแรกที่ออกมาได้ออกจะถูกใจ หากว่าสเกลของในคราวนี้จะค่อนข้างจะแบกรับในหลายๆส่วนประกอบไว้อย่างมากถ่วง ผลที่ออกมาทำให้หนังมองรุงรังไปสักนิดสักหน่อย กับการเล่าเรื่องที่ยังไม่ค่อยมีคุณลักษณะเด่นรวมทั้งจังหวะหนังที่ยังไม่กระตุ้นอารมณ์ซักเท่าไหร่
บางทีก็อาจจะจำเป็นต้องพูดว่า Father Stu เป็นหนังที่มีความเป็นคริสเตียนอยู่มากมาย โดยบางทีก็อาจจะไม่ใช่สอนศาสนาแบบขา แม้กระนั้นก็แทรกสอดคติและก็เลื่อมใสต่างๆในศาสนาคริสต์เข้าไปตลอดทั้งเรื่อง แบบมิได้แออัดอะไรเยอะแยะ แม้กระนั้นสิ่งที่หนังแทรกสอดเข้าไปนั้นกลับกลายแง่คิดในหลายๆประเด็นสำหรับในการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายสัมพันธ์ระหว่างครอบครัว ที่ผ่านนักแสดงสำคัญๆที่สะท้อนให้มีความคิดเห็นว่าปัญหาหลายชนิดจะผ่านไปได้ด้วยการจุนเจือกันและกัน
Father Stu บางครั้งอาจจะเป็นหนังที่ขาดความกระชับไปสักนิด หนังประเด็นนี้ที่ลากยาวถึง 2 ชั่วโมงเต็ม ใช้เวลาปูเรื่องราวค่อนข้างจะหน้าแทบจะขว้างไปเป็นชั่วโมงแล้ว รวมทั้งโน่นก็ย่อมคือว่ากว่าหนังจะจุดเครื่องสตาร์ทติดขึ้นมาได้ ออกจะทุลักทุเลพอได้ ถ้าว่าหนังมีการปรับรายละเอียดรวมทั้งเล่าให้กระชับเพิ่มมากขึ้นกว่านี้สักนิดหน่อย ตัดถอนดราม่าไม่มีความสำคัญหลายๆสิ่งที่ย้วยออกไปบ้าง ก็คงจะช่วยปรับตัวหนังมองไม่เฉื่อยชามากมายเท่านี้
กลุ่มผู้แสดงประเด็นนี้นับว่าได้เบอร์ใหญ่ๆมาไม่น้อย มาร์ค วอห์ลเบิร์ก ที่ตอนๆข้างหลังเขาเริ่มมาจับบทหนังที่ท้ากับอาชีพตนเองมากขึ้นเรื่อยๆ มิได้วนอยู่แต่ว่าหนังแอคชั่นเดิมๆหันมาเล่นหนังดราม่ามากเพิ่มขึ้น รวมทั้งหนังประเด็นนี้ก็นับว่าเขาได้โชว์ความสามารถทางการแสดงของตนเองได้อีกระดับ ถึงแม้ว่าหน้าที่แล้วก็ติดอยู่แรกเตอร์ที่เขาได้รับนั้น บางทีอาจจะยังมิได้ถึงขนาดเพอร์เฟ็ค แม้กระนั้นเขาก็สามารถแบกรับหน้าที่ของตนในหนังประเด็นนี้เอาไว้ได้อยู่มือ ตั้งแต่เริ่มกระทั่งฉากท้ายที่สุด ถึงการแสดงที่ออกมาจะยังไม่มีอะไรให้จำมากแค่ไหน